สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว Pantip ครับ!
หลายคนคงคุ้นกับคำว่า “เงินเดือนชนเดือน” ใช่ไหมครับ? เป็นวลีที่ฟังแล้วรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่น้อยเลยเนอะ แต่สำหรับผมที่ชีวิตเป็น ฟรีแลนซ์ รายได้ไม่แน่นอน บางทีมันก็ไม่ใช่แค่ “ชนเดือน” ครับ แต่มันคือ “เดือนไหนจะมีเงินพอให้ชนบ้าง” ฮ่าๆๆ
ผมเองก็เป็น คนทำงาน วัย 40+ ที่ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่ง และรายได้ก็ผันผวนตามงานที่เข้ามาครับ ต้องบอกเลยว่าในช่วงที่เจอ วิกฤตการเงิน หนักๆ เนี่ย มันทำให้ผมได้เรียนรู้ บทเรียนชีวิต ที่ราคาแพงมากๆ วันนี้เลยอยากขออนุญาตมาแบ่งปันประสบการณ์ตรงนี้ให้เพื่อนๆ ฟังครับ เผื่อใครที่กำลังเจอสถานการณ์คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะชาว ฟรีแลนซ์ ที่ รายได้ไม่แน่นอน เหมือนผม จะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูกเหมือนผมครับ

ชีวิตฟรีแลนซ์กับวิกฤตการเงิน: เมื่อ “รายได้ไม่แน่นอน” คือความท้าทายใหญ่สุด
ก่อนอื่นผมต้องขอสารภาพตรงๆ เลยว่า ผมยังไม่ได้ร่ำรวย หรือมี อิสระทางการเงิน อะไรแบบที่ฝันไว้หรอกนะครับ ตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในช่วงของการต่อสู้ดิ้นรนไปวันๆ เหมือนหลายๆ คนนี่แหละครับ โชคดีที่ผมมีคุณภรรยาและครอบครัวช่วยซัพพอร์ตเรื่องที่อยู่และรถ ทำให้พอจะไปต่อได้ ไม่ต้องแบกภาระใหญ่ตรงนี้ (ตรงนี้ผมซาบซึ้งมากๆ ครับ) แต่นั่นก็ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้ผมต้องคิดเรื่อง การเงินส่วนบุคคล และ วางแผนการเงิน มากขึ้นไปอีก
ปัญหาของ ฟรีแลนซ์ อย่างผมคือ “รายได้ไม่แน่นอน” บางเดือนงานเยอะ เงินดี ก็ยิ้มได้กว้างหน่อย แต่บางเดือนงานหด รายได้หายเนี่ยแหละครับคือจุดที่ความกังวลเข้าจู่โจม ยิ่งอายุเข้าเลข 4 แล้วเนี่ย การจะกลับไปทำงานประจำก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนเดิมแล้ว ทำให้การบริหารจัดการ การเงิน กลายเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตเลยครับ
บทเรียนราคาแพง…จากวิกฤตการเงินที่ผมได้เรียนรู้ (ฉบับฟรีแลนซ์)
จากประสบการณ์ เงินเดือนชนเดือน (หรืออาจจะหนักกว่านั้น) ในช่วงที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ บทเรียนชีวิต และเคล็ดลับการจัดการ การเงิน ที่อยากจะมาแชร์ครับ
1. เงินสำรองฉุกเฉินคือลมหายใจของฟรีแลนซ์!
ตอนแรกผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัวครับ คิดแค่ว่ามีงานก็มีเงิน แต่พอเจอช่วงที่งานหายไปหลายเดือนเท่านั้นแหละ ถึงได้รู้ซึ้งว่า เงินสำรองฉุกเฉิน เนี่ยแหละคือพระเอกตัวจริง! อย่างน้อยๆ ควรมี 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือนนะครับ แม้จะ รายได้ไม่แน่นอน แต่การมีเงินก้อนนี้มันช่วยลดความเครียดและทำให้เรามีสติในการแก้ปัญหามากขึ้นเยอะเลย
2. ควบคุม “ค่าใช้จ่าย” ให้ละเอียด เหมือนจับวาง
ในเมื่อรายได้ไม่แน่นอน เราต้องคุมรายจ่ายให้แน่นที่สุดครับ ผมเริ่มทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างจริงจัง ทุกบาททุกสตางค์ที่ออกไป ผมรู้หมดว่าไปไหนบ้าง แรกๆ อาจจะน่าเบื่อ แต่พอทำไปเรื่อยๆ จะเห็นเลยว่ามีช่องทางให้ ควบคุมค่าใช้จ่าย และ ออมเงิน ได้อีกเยอะ เช่น ลดค่าอาหารนอกบ้านที่ไม่จำเป็น หรือหันมาทำกับข้าวกินเองบ้าง นอกจากนี้เรื่องการเดินทาง ผมก็เน้น แว้นมอเตอร์ไซค์ เป็นหลักเลยครับ ประหยัดค่าน้ำมัน ค่าเดินทางไปได้เยอะมากๆ (โชคดีที่อยู่บ้านภรรยา เรื่องค่าเช่า/ผ่อนรถตัดไปได้เยอะ ทำให้โฟกัสที่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่ากินอยู่ได้เต็มที่)
3. อย่าหยุดนิ่ง…ต้อง “หารายได้หลายทาง” เสมอ!
สำหรับ ฟรีแลนซ์ นี่คือสิ่งที่จำเป็นที่สุดครับ การมีรายได้แค่ทางเดียวมันเสี่ยงเกินไป ผมพยายามมองหาช่องทางใหม่ๆ ที่จะสร้างรายได้เสริมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อรับงานประเภทอื่น การลองขายของออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่การ เขียนกระทู้ลง Pantip (ฮาาา) เพื่อให้มีกระแสเงินสดเข้ามาแม้จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินค่ากาแฟยังแทบไม่พอ อย่างน้อยก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งครับ
4. “วางแผนการเงิน” ระยะยาว…แม้รายได้จะผันผวน
ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยังไม่ถึงขั้น อิสระทางการเงิน แต่ผมก็เริ่มวางแผนสำหรับอนาคตไว้แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่อการเกษียณ หรือการแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้เงินมันงอกเงยไปตามเวลา การมีเป้าหมายระยะยาวจะช่วยให้เรามีวินัยในการ เก็บเงิน และ ควบคุมค่าใช้จ่าย ในแต่ละวันมากขึ้น
5. “คุยกับคนที่บ้าน” ให้เปิดใจเรื่องเงิน (สำคัญมาก!)
เรื่อง การเงิน กับคนรักนี่สำคัญสุดๆ เลยครับ ยิ่งผมที่ รายได้ไม่แน่นอน การได้คุยกับแฟนแบบเปิดใจเรื่องสถานะทางการเงิน ความกังวล เป้าหมายที่เราอยากไปให้ถึง มันช่วยได้เยอะมากครับ การที่เราช่วยกัน วางแผนการเงิน ร่วมกัน ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น และช่วยกันหาทางออกเมื่อเจอ วิกฤตการเงิน ทำให้ความสัมพันธ์แข็งแรงขึ้นด้วยครับ
แต่ก็น่าแปลกนะครับ…แม้ผมจะพยายามจัดการ การเงิน และ สุขภาพ ให้ดีขึ้นจนรู้สึกนอนง่ายขึ้นจากเคล็ดลับที่เคยแชร์ไป แต่บางทีเรื่องความเครียดมันก็ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ครับ อย่างเมื่อวานก่อนเนี่ย แฟนผมนั่งคิดนอนคิดแต่เรื่องงานจนหลับไม่ลงเลย ทำให้ผมรู้เลยว่าปัญหา นอนไม่หลับ หรือ วิกฤตการเงิน เนี่ย มันซับซ้อนจริงๆ บางทีเคล็ดลับเดียวกันก็อาจได้ผลไม่เท่ากันในแต่ละคนครับ
ส่งท้าย: แม้ยังไม่ถึงฝัน…แต่ทุกย่างก้าวคือ “บทเรียนชีวิต” ที่มีค่า
วิกฤตการเงิน ไม่ใช่เรื่องตลกครับ แต่มันคือ บทเรียนชีวิต ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องหันกลับมามองตัวเองและจัดการ การเงินส่วนบุคคล ให้ดีขึ้นอย่างจริงจัง แม้ตอนนี้ผมจะยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่า อิสระทางการเงิน หรือหลุดพ้นจากความกังวลทั้งหมดไปได้ แต่ทุกย่างก้าวที่ผมได้เรียนรู้และลงมือทำในวันนี้ มันคือการสร้างรากฐานและอนาคตที่ดีขึ้นครับ
ผมเชื่อว่าการมีวินัยและไม่ยอมแพ้ จะพาเราไปถึงจุดที่ “ชีวิตที่เลือกได้” อย่างแน่นอนครับ
Pantip Link : https://pantip.com/topic/43549053